หลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™

284 จำนวนผู้เข้าชม  | 

 

หลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™
Wider Spanning Better Efficiency

          LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™ คือระบบหลังคาแบบไร้รอยเจาะ ระบบขบล็อคล่าสุดที่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่น ติดตั้งง่าย รวดเร็ว ประหยัดเวลาก่อสร้างด้วยท้องลอนที่กว้างและสันลอนที่สูง ทำให้ระบายน้ำได้ดี ด้วยรูปลอนที่แข็งแรงและขายึดแบบพิเศษทำให้สามารถพาดแปได้ระยะไกลกว่า รูปลอนยังสามารถดัดโค้งไปตามโครงสร้างได้ความยาวที่ต่อเนื่องของตัวแผ่น และวิธีติดตั้งที่สะดวก รวดเร็ว โดยการใช้คลิป KL98 เป็นสิ่งที่รับประกันประวิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ได้อย่างดี

 

หลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™

 

  • หลังคาลอนกว้าง

  • ประสิทธิภาพรูปลลอนที่ดีกว่าเดิม

  • ติดตั้งง่าย สะดววก รวดเร็ว (ระบบขายึดแบบพิเศษ)

  • ประหยัดและลดต้นทุนในการก่อสร้าง

  • ร่องขวางที่ท้องลอน ช่วยเพิ่มความแข็งแรง

  • ป้องกันการรั่วซึมของน้ำฝน (ระบบซ่อนสกรู)

  • แผ่นหลังคายาวต่อเนื่อง

  • ผ่านการออกแบบและทดสอบผลิตภัณฑ์จากสถาบันวิจัยที่ออสเตรเลีย

  • มุมลาดเอียงหลังคาต่ำ


หลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™

 

คุณสมบัติของวัสดุ
ข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์

          LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™ ผลิตจากเนื้อเหล็ก G550 (มีค่า Yield Strength ไม่ต่ำกว่า 550 MPa) และเคลือบผิวเหล็กด้วย

  • ZINCALUME® steel เป็นเหล็กเคลือบโลหะผสมระหว่าง อลูมิเนียม 55% สังกะสี 45% ตามมาตรฐาน AS1397-G550-AZ150 มีมวลสารเคลือบไม่ต่ำกว่า 150 กรัมต่อตารางเมตร

  • Clean COLORBOND® steel คือเทคโนโลยีการเคลือบอบสีชั้นสูงมาเคลือบลงบน ZINCALUME® มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน AS/NZ S 2728:1997

ความยาว

          สามารถผลิตให้มีความยาวตามขนาดที่ต้องการ ในกรณีที่ต้องการแผ่นหลังคาต่อเนื่อง (ไม่มีรอยต่อ) ที่มีความยาวเกินกว่า 24 เมตร สามารถนำเครื่องไปรีดขึ้นรูปยังสถานที่ติดตั้งที่หน่วยงานได้

ช่วงคลาดเคลื่อนของขนาดแผ่น

  • ความยาว : + 0 มม., - 15 มม.
  • ความกว้าง : + 4 มม., - 4 มม.

มุมลาดเอียงของหลังคา

          บริเวณแนวรอยยต่อด้านข้าง (Side lap) ได้รับการออกแบบรูปลอนให้สามารถป้องกันน้ำไหลย้อน (Anti-Capillary) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะจึงทำให้มุมลาดเอียงต่ำสุดของหลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™ ที่แนะนำคือ 2 องศาหรือประมาณ 1 ต่อ 30

คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์

ความแข็งแรงของเหล็กG550 (550 เมกะปาสคาล)
  ความกว้างลอน980 มิลลิเมตร
  ความสูงลอน43 มิลลิเมตร
  ความชันของหลังคาที่ต่ำสุดที่แนะนำ2° (1 ใน 30)
  ความหนาของแผ่นเหล็กไม่รวมชั้นเคลือบ0.48, 0.55 & 0.60 มม.
  ระบบการยึดแผ่นยึดแผ่นด้วยระบบขบล็อค
  การใช้งานหลังคา ผนัง

 

คุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ หลังคา แผ่นหลังคา

ข้อมูลเทคนิคผลิตภัณฑ์
ตาราง 1 : รายละเอียดวัสดุ

ผลิตภัณฑ์ความหนาของแผ่นเหล็ก ไม่รวมชั้นเคลือบ (มม.)ความหนารวมชั้นวัสดุเคลือบ (มม.)ความหนารวมชั้นวัสดุเคลือบสี (มม.)น้ำหนักแผ่นต่อความยาว (กก./ม.)น้ำหนักแผ่นต่อพื้นที่ (กก./ตร.ม.)
ZINCALUME® steel0.480.53-4.804.90
Clean COLORBOND® steel0.480.530.564.874.98
ZINCALUME® steel0.550.60-5.475.58
Clean COLORBOND® steel0.550.600.635.555.66
ZINCALUME® steel0.600.65-5.956.08
Clean COLORBOND® steel0.600.650.686.026.15

 

ตาราง 2 : ระยะพาดแป สำหรับการเดินบนหลังคา

ลักษณะช่วงแประยะพาดที่แนะนำ (มม.)ระยะห่างสูงสุด (มม.)
Base Metal Thickness (BMT)0.480.550.600.480.550.60
          หลังคา
  ช่วงแปเดี่ยว90011001350100012501500
  ช่วงแปปลาย105012001350120013501500
  ช่วงแปกลาง190023002700220026503000
  ระยะยื่นปลาย150180200200225250
         ผนัง
  ช่วงแปเดี่ยว180020002200200022502500
  ช่วงแปปลาย200022002400230025002700
  ช่วงแปกลาง320032003200360036003600
  ระยะยื่นปลาย1501802002002250250
 *ระยะพาดแป จะต้องพิจารณาจากตาราง 2 และตารางความสามารถรับแรงลม (ตาราง 3) ทุกครั้ง

 

           ตารางที่ 2 แสดงระยะพาดแปสูงสุดที่ยอมให้โดยทดสอบตามมาตรฐานออสเตรเลีย AS1562 และ AS4040.2 ซึ่งระยะพาดแปนี้สามารถรับแรงจากการเดินบนหลังคา รวมถึงน้ำหนักของการขึ้นไปซ่อมบำรุงหลังคาโดยที่ side-lapping ไม่เสียหาย (ไม่เปิดอ้า)

          ตารางนี้สำหรับอาคารที่มีความสูงไม่เกิน 10 เมตร ในพื้นที่ปลอดพายุไซโคลน ตามมาตรฐาน AS1170

 

ระยะพาดแป สำหรับการเดินบนหลังคา แผ่นหลังคา

 

          ถ้าความสูงเกิน 10 เมตร และที่ความสูงใดๆ ต้องพิจารณาตารางที่ 3 ซึ่งแสดงถึงความสามารถการรับแรงลม (Uplift) แผ่นหลังคาและระบบขบล็อค ณ จุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง (Serviceability) และหลังคาถึงจุดวิบัติ (Strength)

          โดย Serviceability limit state จะเป็นค่าแรงดันลมที่สถานะใช้งานโดยทำการทดสอบจนถึงจุดที่ค่าการโก่งตัวของแผ่นไม่เกิน (Span/120+p/30) โดยที่ Span คือช่วงระหว่างแปและ P คือ ระยะของสันลอน (1 ช่วงท้องลอน)

          Serviceability limit state ได้จากการทดสอบแผ่นจนถึงจุดวิบัติ ภายใต้การติดตั้งที่ความหนาของแปไม่น้อยกว่า 1 มม.

 

Mart ll Clip

ตารางที่  3 : ระยยะพาดแป จากการที่แผ่นและระบบล็อค สามารถรับแรงลมยก

ความหนาเหล็กไม่รวมชั้นเคลือบค่าแรงดันลมสูงสุดที่ยอมให้เกิดขึ้นได้บนแผ่น (kPa)
0.48 mm.ลักษณะช่วงแปLimit stateระยะแป (มม.)
90012001500180021002400270030003300
ช่วงแปเดี่ยวจุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง1.111.000.890.790.690.590.500.410.32
หลังคาถึงจุดวิบัติ3.122.762.412.091.821.481.241.111.08
ช่วงแปปลายจุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง1.201.181.141.050.940.820.710.620.53
หลังคาถึงจุดวิบัติ3.042.542.242.011.731.501.331.271.22
ช่วงแปกลางจุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง1.181.171.151.100.990.870.770.690.64
หลังคาถึงจุดวิบัติ2.872.732.051.791.551.541.521.511.48
0.60 mm.ช่วงแปเดี่ยวจุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง1.721.531.341.160.990.830.670.530.38
หลังคาถึงจุดวิบัติ4.504.223.653.142.682.281.941.641.40
ช่วงแปปลายจุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง1.771.761.691.541.331.120.950.810.70
หลังคาถึงจุดวิบัติ3.583.522.892.371.941.671.461.301.23
ช่วงแปกลางจุดที่หลังคาไม่เสียรูปทรง2.031.941.821.671.491.321.161.561.44
หลังคาถึงจุดวิบัติ3.663.213.062.732.301.901.671.561.44

 

 ตัวอย่างการพิจารณาระยะแป

          อาคารในเขตภาคกลาง อาคารสูงถึงสันจั่ว (hr)18m อาคารสูงถึงชายคา (he)12m หลังคาเอียง 5 องศา มีผนังปิดรอบบริเวณดังกล่าว มีความเร็วลม 38 m/s อ้างอิง Wind Load Calculation ASCE 7-02 for Component and Cladding คำนวณเป็นแรงดันลมกระทำในแนวราบกับอาคาร 95 kg/m² และคำนวณเป็นแรงดันที่กระทำโดยตรงกับแผ่นได้ดังนี้

          Zone 1 (Interior Zones) จะเป็นแรงลมยก 113 kg/m² (1.11 kPa)

         *Zone 2 (End Zone) จะเป็นแรงลมยก 189 kg/m² (1.87 kPa)

       **Zone 3 (Corner Zone) จะเป็นแรงลมยก 285 kg/m² (2.82 kPa)

วิเคราะห์

          แผ่น LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™ หนา 0.48 BMT เลือกระยะพาดแป ที่ระยะแปกลาง 1.80 m. สามารถรับแรงลมที่เกิดขึ้นใน Zone 1 (1.79 > 1.11 kPa) แต่บริเวณ Zone 2 & 3 ได้ปลอดภัย (2.87 > 2.82 kPa)

 

 ตัวอย่างการพิจารณาระยะแป หลังคา แผ่นหลังคา

 

หมายเหตุ

          อาคารสูงขึ้น แรงดันลมก็จะมากขึ้น รวมถึงสภาพภูมิประเทศ และลักษณะอาคารว่าแบบปิดหรือเปิด เป็นต้น ดังนั้นสำหรับการพิจารณาระยะยแปโปรดปรึกษาหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคบริษัท

ตัวอย่างการพิจารณาระยะแป

          อาคารในเขตภาคกลาง อาคารสูงถึงสันจั่ว (hr)40m อาคารสูงถึงชายคา (he)34m หลังคาเอียง 5 องศา มีผนังปิดรอบ บริเวณดังกล่าวมีความเร็วลม 38 m/s อ้างอิง ASCE-02 code คำนวณเป็นแรงดันลมกระทำในแนวราบกับอาคาร 102 kg/m² และคำนวณเป็นแรงดันที่กระทำโดยตรงกับแผ่นได้ดังนี้

          Zone 1 จะเป็นแรงลมยก 85.9 kg/m²

          Zone 2 จะเป็นแรงลมยก 251 kg/m²

          Zone 3 จะเป็นแรงลมยก 342 kg/m² 

 

ระยะพาดแปและแรงลม
โปรดระวังเป็นพิเศษ

          สำหรับพื้นที่ของหลังคาที่มีแรงดันลมสูงกว่าปกติ เช่น บริเวณ สันจั่วและชายคาของอาคาร หรือบริเวณส่วนมุมและขอบหลังคา (Roof corner, Roof perimeter) ที่ได้รับแรงดันลมสูงกว่าส่วนอื่นๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว จะทำการลดระยะแปหรือเสริมแปให้มีความถี่มากยิ่งขึ้น

 

ระยะพาดแปและแรงลม โปรดระวังเป็นพิเศษ

 ภาพแสดงแรงดันลมที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ American Society of Civil Engineer ASCE 7-05
Figure : Areas vulnerable to high wind pressure,
For further information on wind loading, please refer to American Society of Civil Engineer ASCE 7-05

 

พื้นที่ที่ไม่มีพายุไซโคลน

          ข้อมูลในแผ่นพับนี้เหมาะสำหรับการการใช้ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มต่ำที่จะเกิดพายุไซโคลนเขตร้อนเท่านั้น ซึ่งเป็นตามที่มีกำหนดไว้ใน เอเอส 1170.2-2002 ตามแผนที่และตาราง (ด้านล่าง) นำมาจาก เอชบี 212-2002

 
พื้นที่ที่ไม่มีพายุไซโคลน

ความเร็วลมเปรียบเทียบกับช่วงเวลาในการกลับมา (3 วินาที ลมกรรโชก, 10 ม. ความสูง, ลักษณะภูมิประเทศที่มีลักษณะเปิด)

ระดับที่อ้างอิงตามหนังสือคำอธิบายสมการสำหรับ VRV50V500
lฝนฟ้าคะนองรุนแรง และมีลมมรสุม70 - 56R-0.13240
llฝนฟ้าคะนองรุนแรง และมีลมมรสุม67 – 41R-0.13945
lllฝนฟ้าคะนองรุนแรง และมีลมมรสุม106 – 92R-0.14457
lVฝนฟ้าคะนองรุนแรง และมีลมมรสุม122 – 104R-0.15266
Vฝนฟ้าคะนองรุนแรง และมีลมมรสุม156 – 142R-0.16080

           ตารางสรุปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง 3 วินาที ความเร็วลมกรรโชก และช่วงเวลาในการกลับที่แบ่งออกเป็น 5 ชั้น อ้างอิงตามหนังสือ (ดูแผนที่ประกอบ) คำที่แสดงไว้สำหรับระยะเวลา 50 ปี และ 500 ปี ในการกลับมา

 

ตาราง 4 : ความยาวหลังคาสูงสุดที่แนะนำสำหรับการระบายน้ำโดยวัดจากสันหลังคาไปจนถึงรางน้ำ (เมตร)

ปริมาณน้ำฝนมุมลาดเอียงของหลังคา
2345810
2008092102111131142
25063738188105113
300526168748894
400404651556571
500323740445257

           การเจาะจะเปลี่ยนนทิศทางไหลของน้ำบนหลังคา ดังนั้นเพื่อให้การช่วยเหลือในการออกแบบหลังคาที่มีการเจาะ กรุณาโทรเพื่อขอคำแนะนำจากศูนย์ข้อมูลของเรา

 

การติดตั้ง
การเตรียมการก่อนติดตั้ง ก่อนที่จะเริ่มควรตรวจสอบให้แน่ใจในเรื่องต่อไปนี้

  • แปที่จะรองรับหลังคาทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกัน

  • ความชันหลังคาต่ำสุด เป็นไปตามคำแนะนำของเรา

  • ความยาวของส่วนยื่นล้ำของแผ่นหลังคาจากแปตัวบนสุดและล่างสุด ไม่เกินข้อกำหนด

  • แปตัวแรกจนถึงตัวสุดท้าย และควรมีขนาดอย่างน้อย 75 มม. จากปลายแต่ละด้านของแผ่นวัสดุเพื่อรักษากำลังในการแบกรับ

  • หากต้องการปรับเปลี่ยนแก้ไข ณ จุดใด ควรทำก่อนที่จะมุงแผ่นหลังคา เพราะเป็นการยากที่จะทำการแก้ไขในภายหลัง

 

วางแผ่นให้ถูกทิศทางก่อนยกขึ้น

          พิจารณาด้านที่ควรจะเริ่มวางแผ่นก่อน เพื่อให้หลังคากันน้ำได้ดีที่สุด ควรเริ่มจากด้านใต้ลมของทิศทางลมฝนที่หนักที่สุดหรือทางลมฝนในท้องถิ่นนั้น

 

รูปที่ 1 

วางแผ่นวัสดุในทิศตรงข้ามกับการพัดของอากาศ

 

วางแผ่นวัสดุในทิศตรงข้ามกับการพัดของอากาศ

 

          การหมุนกลับแผ่นบนพื้นดินจะสะดวกกว่าขึ้นไปทำบนหลังคา ดังนั้นก่อนจะยกแผ่นขึ้นจึงควรจัดให้แผ่นหันถูกทิศทาง พร้อมกับให้ปีกแผ่นด้านซ้อนบนหันไปยังมุมอาคารด้านที่จะเริ่มมุงแผ่นก่อน เมื่อยกขึ้นแล้วควรวางแผ่นไว้บริเวณที่มีจันทัน/Truss ไม่ควรวางแผ่นตรงกลางแป

 

วางแผ่นไว้บริเวณที่มีจันทัน/Truss ไม่ควรวางแผ่นตรงกลางแป

 

วิธีการติดตั้ง

1. วางตะแกรงลวดบนแป โดยใช้สกรูเป็นตัวยึดหรือใช้วิธีการเชื่อม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้ ลวดตะแกรงจะต้องทำการดึงให้ตึง

2. วางตำแหน่งของคลิปตัวแรกบนแปโดยวางไว้บนแปที่อยู่ใกล้กับรางน้ำมากที่สุด (รูปที่ 2)

 

รูปที่ 2 

ยึดคลิปของแถวแรก ยึดคลิป และแผ่นหลังคาถัดมา (และตัวต่อๆ ไป)

ยึดคลิปของแถวแรก ยึดคลิป และแผ่นหลังคาถัดมา (และตัวต่อๆ ไป)

3. เริ่มติดตั้งขาคลิปในแนวแรกทุกๆแป ทำการยึดสกรูให้แน่น

4. ยึดคลิปตัวต้นแถวและท้ายแถวก่อน พร้อมใช้สายเอ็นขึงให้ได้แนว จากนั้นยึดคลิปทุกๆ แปในแถวแรกจนเสร็จเรียบร้อย

5. ขันสกรูทะลุผ่านด้านบนของคลิปไปจนถึงแป

 

รูปที่ 3 

วางแผ่นหลังคาแผ่นแรกลงบนคลิป และติดไปบนคลิป วางคลิปและแผ่นหลังคาตัวต่อๆ มาได้ตามต้องการ

 

วางแผ่นหลังคาแผ่นแรกลงบนคลิป และติดไปบนคลิป วางคลิปและแผ่นหลังคาตัวต่อๆ มาได้ตามต้องการ

 

รูปที่ 4 

การวางแผ่นหลังคาแผ่นแรก

 

การวางแผ่นหลังคาแผ่นแรก

 

6. วางแผ่นหลังคาแผ่นแรกบนคลิปแถวแรกที่ยึดไว้แล้ว ให้ปลายแผ่นยื่นล้ำเข้าไปในแนวรางน้ำในระยะที่พอเหมาะไม่เกินข้อกำหนด (รูปที่ 3,4)

7. ปูฉนวนกันความร้อนในช่องระหว่างแป

8. กดล็อคแผ่นกับขาคลิปโดยใช้เท้ากดที่สันลอน เพื่อล็อคหลังคากับขาคลิปให้แน่นและแนบสนิท

9. ทำการยึดคลิปที่อยู่ในแถวถัดไปต้องแน่ใจว่าคลิปจะทำมุม 90 องศา กับแผ่น

10. ติดตั้งแผ่นถัดไป โดยปฎิบัติตามขั้นตอนที่ 10 และ 11 ทำการตรวจเช็คเป็นระยะๆ ว่าแผ่นที่ติดตั้งไปแล้วนั้นได้แนวที่เหมาะสมกับโครงสร้างหลังคา (รูปที่ 6)

 

รูปที่ 5 

การประกบเข้าหากันของลอนที่มีการซ้อนทับ

 

การเดินบนหลังคาสามารถเดินไปตามแนวยาวของแผ่นด้วยการเดินบนท้องลอนหรือเดินไปบนแปตามแนวขวางของแผ่น

11. การเดินบนหลังคาสามารถเดินไปตามแนวยาวของแผ่นด้วยการเดินบนท้องลอนหรือเดินไปบนแปตามแนวขวางของแผ่น (รูปที่ 5)

          การล็อคที่แน่นและแนบสนิทจะทำให้การรับน้ำหนักของระบบล็อคและแผ่นมีประสิทธิภาพที่ดี และสามารถรับแรงได้เป็นอย่างดี

ตรวจเช็คแนวที่ติดตั้งเป็นระยะๆ

          ตวจสอบเป็นระยะให้แน่ใจว่าแผ่นหลังคาที่ติดตั้งไปแล้วนั้นได้แนวที่เหมาะสมกับโครงสร้างหลังคา เมื่อดำเนินงานไปสักพักให้ตรวจสอบแนว โดยเฉพาะที่ปลายแผ่นให้ได้แนวเสมอกัน หากวัดแล้วได้ค่าที่ไม่ใกล้เคียงกันมากให้วางแผ่นวัสดุที่จะวางต่อเหลื่อมออกมาเล็กน้อยเพื่อค่อยๆ จัดความผิดพลาดให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง (รูปที่ 6)

 

รูปที่ 6

ตรวจสอบแนวการวางแผ่นวัสดุเป็นระยะ

ตรวจสอบแนวการวางแผ่นวัสดุเป็นระยะ

 

การติดตั้งแผ่นหลังคาแผ่นสุดท้าย

          หากช่องว่างที่เหลืออยู่มีน้อยกว่าหนึ่งช่วงลอนของแผผ่นหลังคา ให้ตัดเอาเฉพาะด้านแฉกของคลิป KL98 ตามความเหมาะสม เพื่อใช้เกี่ยวล็อคกับลอนตัวผู้ที่ติดตั้งไป แล้วยึดด้วยสกรูจากนั้นใช้แผ่นครอบเชิงชายปิดทับช่องว่างนั้น

การติดตั้ง LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™ กับผนัง

          ขั้นตอนของการติดตั้งสำหรับผนังนั้นคล้ายคลึงกับที่อธิบายไว้สำหรับการติดตั้งหลังคา ทั้งนี้เพื่อป้องกันแผ่นผนังไหลลง คุณควรทำการยิงสกรู

การติดตั้งแผ่นโปร่งแสง

          เพราะแผ่นวัสดุของงเรามีการขยายตัว เนื่องจากอุณภูมิที่เปลี่ยน แผ่นโปร่งแสงจะถูกยึดติดโดยใช้แหวนที่มีขนาดรูใหญ่เกินกว่าปกติ

หมายเหตุ : ติดตั้งแผ่นโปร่งแสงและแผ่นหลังคาตามคำแนะนำของผู้ผลิต

 

ZINCALUME® steel & Clean COLORBOND® steel
ZINCALUME®

คุณสมบัติที่โดดเด่นของเหล็กเคลือบโลหะผสม ZINCALUME® ผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกด้านการผลิตเหล็กเคลือบ

          เหล็กเคลือบซิงคาลุมเป็นเหล็กเคลือบซิงค์-อลูมิเนียม 55% เหมาะสำหรับใช้ในงานก่อสร้างอาคาร ส่วนหลังคาและฝาผนัง และผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมทั่วไปที่ต้องการคุณภาพเหล็ก ซึ่งมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเหล็กเคลือบสังกะสีถึง 4 เท่า ในสภาวะแวดล้อมเดียวกัน เหล็กเคลือบซิงคาลลุมยังเหมาะกับการใช้งานเชิงสถาปัตยกรรมที่ต้องการการออกแบบที่สวยงามและการก่อสร้างที่ทันสมัยอีดด้วย เหล็กเคลือบ ZINCALUME® ผลิตตามมาตรฐาน AS1397/ISO9364/EN10346/ASTM A792 และ JISG3321

 ZINCALUME® steel ชั้นที่ 1 ชั้นเคลือบเรซิ่น

ชั้นที่ 2 เคลือบด้วยซิงค์-อลูมิเนียม 55%

ชั้นที่ 3 เหล็กกล้าแรงดึงสูง

ชั้นที่ 4 เคลือบด้วยซิงค์-อลูมิเนียม 55%

ชั้นที่ 5 ชั้นเคลือบเรซิ่น

 

ระบบการป้องกันสองชั้นจากบลูสโคป หลังคา แผ่นหลังคา

ระบบการป้องกันสองชั้นจากบลูสโคป หลังคา แผ่นหลังคา

 

ระบบการป้องกันสองชั้นจากบลูสโคป

          เหล็กเคลือบ ZINCALUME® มีระบบป้องกันสนิม 2 ลักษณะ อลูมิเนียมช่วยเป็นเกราะป้องกันการกัดกร่อนที่เกิดจากการทำปฎิกิริยาระหว่างอากาศและตัวเนื้อเหล็ก ส่วนสังกะสีช่วยป้องกันการกัดกร่อนบริเวณขอบตัดและรอยขีดข่วน โดยสารประกอบสังกะสีจะสร้างตัวตรงบริเวณขอบตัด ด้วยปฎิกิริยาอิเลคโตรด (electrolytic reaction) และจะสละตัวเองเพื่อป้องกันการกัดกร่อนที่เนื้อเหล็ก 

 Clean COLORBOND® steelCOLORBOND®

ชั้นที่ 1 ชั้นเคลือบผิวด้านหน้าโพลีเอสเตอร์หนา 20 ไมครอน

ชั้นที่ 2 ชั้นเคลือบรองพื้นโพลีเอสเตอร์หนา 5 ไมครอน

ชั้นที่ 3 ชั้นเคลือบผิวประสานโลหะและสี

ชั้นที่ 4 ZINCALUME® G300/G550 AZ150 steel substrate

ชั้นที่ 5 ชั้นเคลือบผิวประสานโลหะและสี

ชั้นที่ 6 ชั้นเคลือบรองพื้นโพลีเอสเตอร์หนา 5 ไมครอน

ชั้นที่ 7 ชั้นเคลือบผิวด้านหลังโพลีเอสเตอร์หนา 5 ไมครอน

 

เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND®

          คือผลผลิตที่ดีเยี่ยมจากการค้นคว้า ทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ บลูสโคป สตีลมาเป็นเวลาหลายปี โดยการนำเทคโนโลยีการเคลือบอบสีชั้นสูงมาเคลือบลงบนแผ่นเหล็กเคลือบ ZINCALUME® เพื่อทำการผลิตเหล็กเคลือบสีที่สามารถทนทานต่อการกัดกร่อนแลละมีสีสวยติดทนนาน การเคลือบสีแบบพิเศษด้วยเทคโนโลยีแบบ “Clean” นี้ถูกออกแบบในการใช้งานเพื่อป้องกันคราบฝุ่นละอองสะสมในแถบภูมิอากาศร้อนชื้น ทำให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและมีความงดงามคงทน

เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® XRW

          เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® XRW ได้รับการออกแบบเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานคงทนและมีความต้านทานการกัดกร่อนที่ดี เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกอาคารที่ต้องการความต้านทานการกัดกร่อนเป็นอย่างสูง เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® XRW ยังได้รับการออกแบบเป็นพิเศษด้วยระบบสีที่มีเทคโนโลยีด้านรังสีอินฟราเรดสำหรับสภาวะอยู่อาศัยที่เย็นสบายมากขึ้น

เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® XPD     

          เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® XPD เป็นเหล็กเคลือบสีที่พัฒนาโดยบริษัทบลูสโคป สตีล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์เหล็กเคลือบสีที่มีคุณสมบัติของเนื้อสีที่มีความทนทานสำหรับการใช้งานภายนอก เป็นตัวเลือกอีดทางหนึ่งสำหรับงานอาคารที่ต้องการความคงทนของสีและความเงางามยาวนาน

เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® Ultra

          เหล็กเคลือบสี Clean COLORBOND® Ultra ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะเพื่อรองรับอายุการใช้งานที่ยาวนานและต้านทานการกัดกร่อนได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับงานภายนอกอาคารที่อยู่ในสภาวะแวดล้อมอุตสาหกรรมและอาคารใกล้ทะเล (โดยทั่วไปจะมีระยะห่างจากสภาวะแวดล้อมที่รุนแรงประมาณ 300-500 เมตร)

 

ข้อควรรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแผ่นหลังคาและผนังเหล็กทุกรุ่น
วัสดุที่เข้ากันได้

          ควรใช้แปที่ทำมาจากเหล็กเคลือบสังกะสี หรือทาสีป้องกันสนิม

วัสดุที่เข้ากันไม่ได้

          วัสดุที่ห้ามนำมาใช้ร่วมกับแผ่นเหล็กเคลือบ ZINCALUME® ได้แก่ ตะกั่ว, ทองแดง, Stainless Steel, monel metal, wet and dry concrete, soils and vegetable matter เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับสารเคลือบ ZINCALUME® เป็นผลให้เกิดการผุกร่อน

การต่อแผ่น

          เนื่องจากไม่สามารถต่อแผ่นโดยการเชื่อม ดังนั้นถ้าต้องการต่อแผ่นให้ใช้สกรูหรือหมุดย้ำยึดรอยต่อ และซีลรอยต่อโดยรอบด้วยการซิลิโคน

การดูแลและจัดเก็บ

          เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของแผ่นหลังคาเกิดความเสียหาย ดังนั้นการเคลื่อนย้ายแผ่นควรสวมถุงมือที่แห้ง สะอาด และอย่าลากแผ่นไปบนผิวที่ขรุขระหรือลากไปบนแผ่นด้วยกันเอง โดยแผ่นหลังคาเหล็กจาก ไลสาจท์ จะถูกจัดส่งเป็นมัด ควรจัดวางบนยกพื้นและอยู่ในที่แห้ง แต่ถ้าวางอยู่กลางแจ้งจะต้องจัดหาวัสดุปิดคลุมเพื่อป้องกันน้ำฝน และความเปียกชื้นที่อาจเกิดแทรกอยู่ระหว่างแผ่น ถ้าแผ่นหลังคาเปียกชื้นให้รีบแยกแผ่นออกจากมัดนำไปเช็ดด้วยผ้าแห้ง แล้วจึงนำไปผึ่งลมให้แห้ง วิธีการเหล่านี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ผิววเคลือบเสียหาย คงความสวยงามตลอดอายุการใช้งาน ทั้งนี้ไม่ควรให้แผ่นสัมผัสกับวัสดุที่ชื้นเป็นเวลานาน

การตัดแผ่น

          การตัดแผ่นนทุกครั้งควรกระทำบนพื้น ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรตัดบนหลังคา ควรใช้กรรไกรตัดแผ่นในการตัดแผ่นทุกครั้ง หากต้องใช้เลื่อยไฟฟ้าควรคว่ำแผ่นลงบนพื้นผิวที่อ่อนนนุ่ม เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเคลือบเกิดความเสียหาย อันเนื่องมาจากเศษโลหะร้อนๆ ที่เกิดขึ้นขณะตัดแผ่นและควรใช้เลื่อยไฟฟ้าซึ่งมีใบตัดเป็นโลหะ เพราะจะทำให้เกิดเศษโลหะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แลละยังได้รอยตัดที่ไม่เสียหายอีกด้วย

การบำรุงรักษา

          การล้างฝุ่นบนหลังคาควรล้างด้วยน้ำสะอาดและน้ำยาทำความสะอาดชนิดอ่อน

 

หลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™

หลังคา LYSAGHT® KLIP-LOK® OPTIMA™

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

1. แผ่นหลังคาและผนังเหล็ก LYSAGHT TRIMDEK®

2. LYSAGHT® FLEX-LOK™

3. แผ่นหลังคาและผนังเหล็ก LYSAGHT KLIP-LOK® 700

4. หลังคาและผนังความแข็งแรงสูง LYSAGHT KLIP-LOK 700 HI-STRENGTH®

5. แผ่นหลังคาและผนังเหล็ก LYSAGHT HR-29™ HITENSILE

6. แผ่นผนังเหล็ก LYSAGHT PANELRIB® HI-TEN

7. หลังคา LYSAGHT® ZIPDEK®

8. หลังคา LYSAGHT® LOCKED SEAM®

9. ผลิตภัณฑ์ เมทัลชีท WONGGURU






Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้